แผลเป็น แผลหายช้า เรื่องอาหารการกินเกี่ยวไหม พร้อมเทคนิกการกินแบบลดโอกาสเกิดแผลคีลอยด์

หลายคนที่เคยมีบาดแผลไม่ว่าจะจากอุบัติเหตุหรือการผ่าตัด มักสงสัยว่าทำไมบางคนแผลถึงหายเร็ว เรียบเนียนแทบไม่เห็นรอย ในขณะที่บางคนกลับทิ้งร่องรอยเป็นแผลเป็นนูน หรือที่เรียกว่าคีลอยด์ ซึ่งสร้างความกังวลใจไม่น้อย คำถามที่มักเกิดขึ้นคือ “เรื่องอาหารที่กินเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องไหม” คำตอบคือ มีผลไม่น้อยเลยทีเดียว เพราะสิ่งที่เรากินเข้าไปจะกลายเป็นวัตถุดิบให้ร่างกายซ่อมแซมเนื้อเยื่อและสร้างเซลล์ใหม่ หากกินถูกต้องก็ช่วยให้แผลหายเร็วและลดโอกาสเป็นแผลคีลอยด์ได้

ความสัมพันธ์ระหว่างอาหารกับการหายของแผล

การหายของแผลเกิดขึ้นจากหลายขั้นตอน ตั้งแต่ร่างกายหยุดเลือด สร้างเซลล์ใหม่ กระตุ้นการทำงานของคอลลาเจน ไปจนถึงฟื้นฟูผิวให้กลับมาใกล้เคียงเดิม ในทุกขั้นตอนนี้ร่างกายต้องใช้สารอาหารหลายชนิดมาประกอบกัน หากขาดสารอาหารบางตัว แผลก็อาจหายช้ากว่าปกติ และยังมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดแผลเป็นหนานูน

ในทางกลับกัน หากได้รับสารอาหารครบถ้วนสมดุล ไม่เพียงแต่ทำให้แผลปิดเร็วขึ้น แต่ยังช่วยให้ผิวเรียบและลดการสร้างคอลลาเจนส่วนเกินที่ก่อให้เกิดคีลอยด์

สารอาหารที่จำเป็นต่อการสมานแผล

  1. โปรตีน
    โปรตีนคือหัวใจสำคัญของการซ่อมแซมร่างกาย เพราะเป็นส่วนประกอบของเนื้อเยื่อใหม่ แหล่งโปรตีนที่ดีได้แก่ ปลา ไก่ ไข่ นม ถั่ว และธัญพืช
  2. วิตามินซี
    ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและทำให้หลอดเลือดแข็งแรง ลดการอักเสบ วิตามินซีพบมากในผลไม้รสเปรี้ยว ฝรั่ง สตรอว์เบอร์รี รวมถึงผักสดอย่างบร็อกโคลีและพริกหวาน
  3. สังกะสี (Zinc)
    มีบทบาทสำคัญต่อการสมานแผลและการทำงานของภูมิคุ้มกัน พบในหอยนางรม เนื้อวัว เมล็ดฟักทอง และธัญพืชไม่ขัดสี
  4. วิตามินเอ
    ช่วยให้เซลล์ผิวฟื้นตัวเร็ว และเสริมภูมิต้านทาน แหล่งอาหารได้แก่ แครอท ฟักทอง มันเทศ และตับ
  5. โอเมก้า-3
    ช่วยลดการอักเสบ ทำให้แผลฟื้นตัวไว พบได้ในปลาแซลมอน ปลาทู เมล็ดแฟลกซ์ และวอลนัต

อาหารที่อาจทำให้แผลหายช้าหรือเสี่ยงแผลเป็น

  • ของหวานจัดและน้ำตาลสูง ทำให้เกิดภาวะอักเสบในร่างกายและทำให้แผลหายช้า
  • อาหารทอดหรือไขมันทรานส์ รบกวนกระบวนการสมานแผล
  • แอลกอฮอล์ ทำให้ภูมิคุ้มกันลดลงและร่างกายขาดวิตามินที่จำเป็น
  • คาเฟอีนปริมาณมาก อาจรบกวนการดูดซึมแร่ธาตุที่ร่างกายต้องการ

แล้วอาหารแสลง เช่น ไข่ ไก่ทะเล ของหมักดอง มีผลต่อแผลเป็นจริงหรือไม่

ความเชื่อเรื่องอาหารแสลง เช่น กินไข่แล้วแผลจะนูน หรือกินไก่แล้วแผลจะคัน ยังไม่มีหลักฐานทางการแพทย์ที่ยืนยันชัดเจน สิ่งที่มีผลจริงคือ การขาดสารอาหารและพฤติกรรมการดูแลแผล มากกว่า ดังนั้นไม่จำเป็นต้องงดไข่หรือเนื้อสัตว์ เพราะในความจริงอาหารเหล่านี้เป็นแหล่งโปรตีนที่ดี ซึ่งกลับช่วยให้แผลสมานไวขึ้นด้วยซ้ำ

เทคนิกการกินเพื่อลดโอกาสเกิดคีลอยด์

  1. เน้นโปรตีนทุกมื้อ เพื่อให้ร่างกายมีวัตถุดิบซ่อมแซมแผล เช่น ไข่ต้ม ปลา หรือเต้าหู้
  2. กินผักผลไม้หลากสี โดยเฉพาะที่มีวิตามินซีสูง จะช่วยสร้างคอลลาเจนอย่างสมดุลไม่มากเกินไป
  3. ดื่มน้ำเพียงพอ น้ำช่วยให้การลำเลียงสารอาหารและการสร้างเนื้อเยื่อเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
  4. เสริมสังกะสีจากอาหารธรรมชาติ เช่น เมล็ดฟักทอง ถั่วต่าง ๆ หรือเนื้อแดงในปริมาณพอเหมาะ
  5. เลี่ยงของหวานจัดและแอลกอฮอล์ เพราะทำให้เกิดการอักเสบและรบกวนกระบวนการหายของแผล
  6. เลือกไขมันดีแทนไขมันเลว เช่น น้ำมันมะกอก อะโวคาโด ปลาไขมันสูง แทนการกินของทอดหรือขนมกรอบ
  7. ทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ไม่จำเป็นต้องงดอาหารบางชนิดหากไม่มีโรคประจำตัว เพราะความหลากหลายคือกุญแจสำคัญ

อาหารการกินมีความสัมพันธ์โดยตรงกับการสมานแผลและการเกิดแผลเป็น โดยเฉพาะสารอาหารอย่างโปรตีน วิตามินซี สังกะสี วิตามินเอ และโอเมก้า-3 ที่ช่วยให้ร่างกายซ่อมแซมเนื้อเยื่ออย่างมีประสิทธิภาพ หากเลือกกินอาหารที่ถูกต้อง หลีกเลี่ยงสิ่งที่ทำให้ร่างกายอักเสบ ก็สามารถช่วยให้แผลหายเร็วขึ้นและลดความเสี่ยงการเกิดคีลอยด์ได้

การดูแลแผลจากภายนอกด้วยการทำความสะอาดและใช้ยาหรือเจลรักษาแผลเป็นร่วมกับการบำรุงจากภายในด้วยอาหารที่เหมาะสม ถือเป็นวิธีการที่ช่วยให้ได้ผลลัพธ์ดีที่สุด ทั้งสุขภาพแผลที่หายไว และผิวที่เรียบเนียนไม่ทิ้งร่องรอยให้กังวลใจ