หลายคนที่เคยมีบาดแผลไม่ว่าจะจากอุบัติเหตุหรือการผ่าตัด มักสงสัยว่าทำไมบางคนแผลถึงหายเร็ว เรียบเนียนแทบไม่เห็นรอย ในขณะที่บางคนกลับทิ้งร่องรอยเป็นแผลเป็นนูน หรือที่เรียกว่าคีลอยด์ ซึ่งสร้างความกังวลใจไม่น้อย คำถามที่มักเกิดขึ้นคือ “เรื่องอาหารที่กินเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องไหม” คำตอบคือ มีผลไม่น้อยเลยทีเดียว เพราะสิ่งที่เรากินเข้าไปจะกลายเป็นวัตถุดิบให้ร่างกายซ่อมแซมเนื้อเยื่อและสร้างเซลล์ใหม่ หากกินถูกต้องก็ช่วยให้แผลหายเร็วและลดโอกาสเป็นแผลคีลอยด์ได้
ความสัมพันธ์ระหว่างอาหารกับการหายของแผล
การหายของแผลเกิดขึ้นจากหลายขั้นตอน ตั้งแต่ร่างกายหยุดเลือด สร้างเซลล์ใหม่ กระตุ้นการทำงานของคอลลาเจน ไปจนถึงฟื้นฟูผิวให้กลับมาใกล้เคียงเดิม ในทุกขั้นตอนนี้ร่างกายต้องใช้สารอาหารหลายชนิดมาประกอบกัน หากขาดสารอาหารบางตัว แผลก็อาจหายช้ากว่าปกติ และยังมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดแผลเป็นหนานูน
ในทางกลับกัน หากได้รับสารอาหารครบถ้วนสมดุล ไม่เพียงแต่ทำให้แผลปิดเร็วขึ้น แต่ยังช่วยให้ผิวเรียบและลดการสร้างคอลลาเจนส่วนเกินที่ก่อให้เกิดคีลอยด์
สารอาหารที่จำเป็นต่อการสมานแผล
- โปรตีน
โปรตีนคือหัวใจสำคัญของการซ่อมแซมร่างกาย เพราะเป็นส่วนประกอบของเนื้อเยื่อใหม่ แหล่งโปรตีนที่ดีได้แก่ ปลา ไก่ ไข่ นม ถั่ว และธัญพืช - วิตามินซี
ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและทำให้หลอดเลือดแข็งแรง ลดการอักเสบ วิตามินซีพบมากในผลไม้รสเปรี้ยว ฝรั่ง สตรอว์เบอร์รี รวมถึงผักสดอย่างบร็อกโคลีและพริกหวาน - สังกะสี (Zinc)
มีบทบาทสำคัญต่อการสมานแผลและการทำงานของภูมิคุ้มกัน พบในหอยนางรม เนื้อวัว เมล็ดฟักทอง และธัญพืชไม่ขัดสี - วิตามินเอ
ช่วยให้เซลล์ผิวฟื้นตัวเร็ว และเสริมภูมิต้านทาน แหล่งอาหารได้แก่ แครอท ฟักทอง มันเทศ และตับ - โอเมก้า-3
ช่วยลดการอักเสบ ทำให้แผลฟื้นตัวไว พบได้ในปลาแซลมอน ปลาทู เมล็ดแฟลกซ์ และวอลนัต
อาหารที่อาจทำให้แผลหายช้าหรือเสี่ยงแผลเป็น
- ของหวานจัดและน้ำตาลสูง ทำให้เกิดภาวะอักเสบในร่างกายและทำให้แผลหายช้า
- อาหารทอดหรือไขมันทรานส์ รบกวนกระบวนการสมานแผล
- แอลกอฮอล์ ทำให้ภูมิคุ้มกันลดลงและร่างกายขาดวิตามินที่จำเป็น
- คาเฟอีนปริมาณมาก อาจรบกวนการดูดซึมแร่ธาตุที่ร่างกายต้องการ
แล้วอาหารแสลง เช่น ไข่ ไก่ทะเล ของหมักดอง มีผลต่อแผลเป็นจริงหรือไม่
ความเชื่อเรื่องอาหารแสลง เช่น กินไข่แล้วแผลจะนูน หรือกินไก่แล้วแผลจะคัน ยังไม่มีหลักฐานทางการแพทย์ที่ยืนยันชัดเจน สิ่งที่มีผลจริงคือ การขาดสารอาหารและพฤติกรรมการดูแลแผล มากกว่า ดังนั้นไม่จำเป็นต้องงดไข่หรือเนื้อสัตว์ เพราะในความจริงอาหารเหล่านี้เป็นแหล่งโปรตีนที่ดี ซึ่งกลับช่วยให้แผลสมานไวขึ้นด้วยซ้ำ
เทคนิกการกินเพื่อลดโอกาสเกิดคีลอยด์
- เน้นโปรตีนทุกมื้อ เพื่อให้ร่างกายมีวัตถุดิบซ่อมแซมแผล เช่น ไข่ต้ม ปลา หรือเต้าหู้
- กินผักผลไม้หลากสี โดยเฉพาะที่มีวิตามินซีสูง จะช่วยสร้างคอลลาเจนอย่างสมดุลไม่มากเกินไป
- ดื่มน้ำเพียงพอ น้ำช่วยให้การลำเลียงสารอาหารและการสร้างเนื้อเยื่อเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
- เสริมสังกะสีจากอาหารธรรมชาติ เช่น เมล็ดฟักทอง ถั่วต่าง ๆ หรือเนื้อแดงในปริมาณพอเหมาะ
- เลี่ยงของหวานจัดและแอลกอฮอล์ เพราะทำให้เกิดการอักเสบและรบกวนกระบวนการหายของแผล
- เลือกไขมันดีแทนไขมันเลว เช่น น้ำมันมะกอก อะโวคาโด ปลาไขมันสูง แทนการกินของทอดหรือขนมกรอบ
- ทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ไม่จำเป็นต้องงดอาหารบางชนิดหากไม่มีโรคประจำตัว เพราะความหลากหลายคือกุญแจสำคัญ

อาหารการกินมีความสัมพันธ์โดยตรงกับการสมานแผลและการเกิดแผลเป็น โดยเฉพาะสารอาหารอย่างโปรตีน วิตามินซี สังกะสี วิตามินเอ และโอเมก้า-3 ที่ช่วยให้ร่างกายซ่อมแซมเนื้อเยื่ออย่างมีประสิทธิภาพ หากเลือกกินอาหารที่ถูกต้อง หลีกเลี่ยงสิ่งที่ทำให้ร่างกายอักเสบ ก็สามารถช่วยให้แผลหายเร็วขึ้นและลดความเสี่ยงการเกิดคีลอยด์ได้
การดูแลแผลจากภายนอกด้วยการทำความสะอาดและใช้ยาหรือเจลรักษาแผลเป็นร่วมกับการบำรุงจากภายในด้วยอาหารที่เหมาะสม ถือเป็นวิธีการที่ช่วยให้ได้ผลลัพธ์ดีที่สุด ทั้งสุขภาพแผลที่หายไว และผิวที่เรียบเนียนไม่ทิ้งร่องรอยให้กังวลใจ