เชื่อว่าใครหลายคนที่เคยคิดจะ ทำเสื้อสกรีน เองไม่ว่าจะเพื่อใส่ในกิจกรรมบริษัท เสื้อรุ่น เสื้อแก๊ง หรือแม้แต่จะเอาไปขายแบบจริงจัง ก็คงเคยตั้งคำถามนี้ในใจ “ปกติค่าสกรีนเสื้อตัวละกี่บาท” กันใช่ไหมล่ะคะ? ซึ่งบอกเลยว่า…มันไม่มีคำตอบเดียวตายตัวค่ะ เพราะค่าสกรีนเสื้อขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยมากๆ และยิ่งถ้าเราเข้าใจรายละเอียดเหล่านี้ ก็จะช่วยให้เราวางแผนค่าใช้จ่ายได้แม่นยำขึ้น ไม่ถูกชาร์จเกินราคา และเลือกแบบที่คุ้มค่าที่สุดได้ง่ายๆ เริ่มจากปัจจัยหลักที่เกี่ยวข้องกับการคำนวณราคากันก่อนเลย อย่างแรกคือ จำนวนสีของลายสกรีน ค่ะ หลักการง่ายๆ ก็คือ ยิ่งมีสีมาก ราคาก็ยิ่งสูงขึ้น เพราะการสกรีนแต่ละสีนั้นต้องมีการเตรียมบล็อกแยกกัน ใช้แรงงานและหมึกต่างกัน สำหรับงานสกรีนที่ใช้เพียง 1-2 สี ราคาจะถูกกว่ามากเมื่อเทียบกับงานที่ใช้ 4-6 สี ซึ่งมักจะเป็นงานที่ต้องการความละเอียดสูง เช่น งานไล่เฉดสี หรืองานภาพเหมือน ต่อมาคือ จำนวนเสื้อที่สั่งผลิต อันนี้สำคัญไม่แพ้กันเลยค่ะ ถ้าคุณสั่งทำแค่ 10 ตัว ราคาต่อหน่วยก็จะแพงกว่าแน่นอน เพราะต้นทุนในการตั้งเครื่องสกรีนและทำบล็อกจะต้องกระจายออกไปในจำนวนน้อย แต่ถ้าสั่ง 100 ตัวขึ้นไป ราคาจะลดลงแบบเห็นได้ชัดเลยนะ บางร้านถึงขั้นมีราคาแบบเรตขั้นบันไดให้เลยว่า 30 ตัวราคาเท่านี้, 50 ตัวลดอีก, 100 ตัวลดลงอีก ส่วนร้านไหนไม่มีการปรับราคา ก็อย่าลืมถามให้แน่ชัดก่อนตกลงงานนะคะ
แล้ว ชนิดของผ้า ก็มีผลโดยตรงกับค่าสกรีนค่ะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณซื้อเสื้อพร้อมสกรีนจากร้านเดียวกัน ถ้าเลือกผ้าเกรดดี เช่น Cotton 100% เนื้อแน่น หรือผ้า Dry Tech เนื้อพรีเมียม ราคาก็จะสูงขึ้นตามคุณภาพผ้า แต่ถ้าเลือกผ้า TC หรือ TK ซึ่งราคาต้นทุนต่ำกว่านิดหน่อย ราคาก็จะเบาลง แต่ก็ต้องแลกกับสัมผัสและความคงทนของเนื้อผ้าอีกอย่างที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือ ขนาดของลายสกรีน ลายใหญ่เต็มหน้าอก เต็มหลัง หรือลายที่พาดยาวรอบตัว จะใช้หมึกและแรงงานมากกว่าลายเล็กๆ ตรงอกซ้ายแค่นั้นค่ะ ซึ่งตรงนี้เราควรแจ้งขนาดโดยประมาณให้ร้านคำนวณราคาด้วย อย่าลืมนะคะว่าขนาดลายก็ส่งผลกับค่าสกรีนโดยตรงแล้วถ้าใครอยากได้แบบพิเศษๆ เช่น การสกรีนยาง สกรีนสะท้อนแสง สกรีนเรืองแสง สกรีนทอง-เงิน ก็ต้องยอมจ่ายเพิ่มอีกนิดนึงค่ะ เพราะต้องใช้หมึกพิเศษและกระบวนการที่ซับซ้อนกว่าปกติ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับว่าร้านที่คุณเลือกเขาเชี่ยวชาญด้านไหน บางร้านถนัดงานแฟชั่น บางร้านถนัดงานแมส ค่าสกรีนก็เลยมีความต่างกัน
สรุปราคาเฉลี่ยปกติของค่าสกรีนเสื้อในปี 2025
มาเข้าสู่คำถามสำคัญที่ทุกคนรอฟังกันเถอะค่ะว่า “ปกติค่าสกรีนเสื้อตัวละกี่บาท” ณ ปี 2025 นี้ ข้อมูลจากร้านรับสกรีนหลายเจ้าในกรุงเทพฯ และจังหวัดใหญ่ๆ พบว่าราคาเฉลี่ยที่เห็นกันบ่อยๆ อยู่ในช่วงประมาณนี้เลยค่ะ
- สกรีน 1 สี ลายขนาดเล็ก (อกซ้าย) บนเสื้อที่ลูกค้านำมาเอง: 15 – 30 บาท/ตัว
- สกรีน 1 สี ลายกลาง (หน้าอกเต็ม): 25 – 40 บาท/ตัว
- สกรีนหลายสี (2-4 สี): 40 – 80 บาท/ตัว
- สกรีนเต็มตัว หรือมีหลายจุดบนเสื้อ: เริ่มต้น 70 บาท ไปจนถึง 150 บาท/ตัว
- ค่าสกรีนแบบพิเศษ (หมึกสะท้อนแสง, เรืองแสง, ฟอยล์, ยางนูน): 80 – 200 บาท/ตัว
แต่ต้องบอกก่อนว่า ราคาที่เห็นนี้ยังไม่รวมค่าเสื้อเปล่านะคะ ถ้าคุณจะให้ร้านจัดหาผ้าให้ด้วย ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 90 – 250 บาทต่อเสื้อ 1 ตัว (รวมเสื้อ + สกรีน) แล้วแต่เกรดผ้าและขนาดลายที่สกรีนค่ะ
ค่าสกรีนเสื้อแบบต่างๆ ที่พบได้บ่อย
พูดถึง “ปกติค่าสกรีนเสื้อตัวละกี่บาท” เราต้องรู้จักกับวิธีการสกรีนต่างๆ ก่อนค่ะ เพราะแต่ละแบบก็มีราคาต่างกันไปตามความซับซ้อนและต้นทุน
- สกรีนบล็อก (Silkscreen) เป็นแบบที่นิยมที่สุดในไทย เพราะต้นทุนถูกเมื่อสั่งผลิตเยอะๆ ราคาสกรีนอยู่ที่ 15-80 บาท/ตัว ขึ้นอยู่กับจำนวนสีและขนาดลาย
- สกรีนดิจิทัล (DTG) งานพิมพ์ภาพลงเสื้อโดยตรง ให้ความละเอียดสูง เหมาะกับงานภาพถ่าย แต่ราคาสูงกว่าเล็กน้อย เฉลี่ย 100 – 250 บาท/ตัว (รวมเสื้อ)
- สกรีนทรานสเฟอร์ (Heat Transfer): นิยมในงานจำนวนน้อยและต้องการสีสดใส ราคากลางๆ ประมาณ 40 – 120 บาท/ตัว
- สกรีนฟอยล์/ยางนูน/เรืองแสง: ราคาสูงกว่าแบบทั่วไป เริ่มที่ 70 – 200 บาท/ตัว ตามขนาดและชนิดหมึกพิเศษ
ถ้าเป็นงานด่วน งานเฉพาะ หรือสั่งจำนวนน้อยมาก (เช่น 1-10 ตัว) ราคาจะสูงขึ้นอีกนะคะ เพราะต้องสั่งทำเฉพาะ และบางครั้งไม่คุ้มกับเวลาที่ร้านจะเสียไปเลย
จะเลือกร้านสกรีนยังไงให้ได้ค่าสกรีนคุ้มที่สุด
บางคนอาจรู้สึกว่าค่า สกรีนเสื้อ มันดูหลากหลายและชวนสับสนมากเลยใช่ไหมล่ะคะ? งั้นเรามาแชร์วิธีเลือก “ร้านสกรีนเสื้อ” ที่ทำให้เราได้ราคาคุ้มที่สุดกันดีกว่า อย่างแรกเลยคือให้เลือก “ร้านที่มีการระบุราคาชัดเจน” มีเรตให้ดูเลยว่าสั่งกี่ตัว ราคาเท่าไหร่ เพราะร้านที่มีระบบแบบนี้มักจะไม่มาหลอกบวกเพิ่มทีหลังให้เราหงุดหงิดใจ
สองคือ “ดูรีวิวลูกค้าเก่า” ผ่านหน้าเพจหรือ Google Map ถ้าร้านมีรีวิวดีเยอะ แปลว่ามีประสบการณ์จริง มีความน่าเชื่อถือ และเราสามารถมั่นใจได้ว่าราคาที่เขาแจ้งมาคือราคาที่สมเหตุสมผล
สามคือ “เลือกร้านที่มีตัวอย่างงานโชว์” ไม่ว่าจะผ่านเว็บไซต์, แคตตาล็อก หรือโซเชียลมีเดีย เพราะเราจะได้เห็นว่าร้านนั้นถนัดงานแบบไหน แล้วสามารถประเมินความเหมาะสมกับสไตล์ของเราค่ะ
สุดท้ายเลยคือ “สอบถามโปรโมชั่น” บางร้านมีส่วนลดพิเศษถ้าสั่งเกินจำนวนที่กำหนด หรือมีของแถม เช่น ถุงใส่เสื้อฟรี สติกเกอร์ฟรี อย่าลืมถามนะคะ เพราะช่วยประหยัดได้มากจริงๆ
เทคนิคประหยัดค่าสกรีนเสื้อแบบมือโปร
มาถึงช่วงทิปเด็ดๆ กันบ้างดีกว่าค่ะ ถ้าคุณเป็นแม่ค้ามือใหม่ หรือกำลังอยาก สั่งเสื้อสกรีนราคาถูก เรามีเทคนิคที่น่าสนใจมาฝากกัน
- รวมออเดอร์กับเพื่อนหรือกลุ่มอื่นๆ ถ้าสั่งคนเดียวมันแพงแน่ๆ แต่ถ้ารวมออเดอร์กับกลุ่มอื่นแล้วสั่งพร้อมกัน รับรองว่าได้เรตราคาที่ดีกว่าแน่นอน
- เลือกจำนวนสีกับลายให้น้อยที่สุด ถ้าไม่จำเป็นต้องใช้หลายสี ก็ใช้แค่ 1 สีแบบเท่ๆ ไปเลยค่ะ ประหยัดมาก
- ใช้เสื้อสีพื้นง่ายๆ เสื้อสีขาวหรือสีเทาอ่อนจะสกรีนได้ง่ายกว่าสีเข้ม ทำให้ไม่ต้องใช้หมึกพิเศษ ลดต้นทุนได้อีก
- เตรียมไฟล์ลายสกรีนให้พร้อม ถ้าคุณสามารถส่งไฟล์แบบเวกเตอร์ (เช่น .ai หรือ .svg) ไปให้ร้านได้เลย ร้านจะไม่ต้องเสียเวลาจัดไฟล์ ทำให้ไม่คิดค่าจัดเตรียมลายเพิ่ม
ความเข้าใจผิดเรื่องค่าสกรีนที่คนมักเข้าใจผิดกันบ่อย
เคยได้ยินกันไหมคะว่า “สกรีนแค่ตัวเดียว ทำไมแพงจัง?” หรือ “ใส่แค่สีเดียวเอง ทำไมยังโดนคิดหลายสิบบาท?” บอกเลยค่ะว่าเรื่องพวกนี้เป็นความเข้าใจผิดที่เจอบ่อยมาก และคนที่เพิ่งเริ่มสั่งสกรีนเสื้อครั้งแรกก็มักจะตกใจอยู่ไม่น้อย ความจริงคือ งานสกรีน 1 ตัว ไม่ได้ง่ายเหมือนการปริ๊นท์กระดาษธรรมดานะคะ การจะได้เสื้อ 1 ตัวที่มีลายสวยๆ ต้องผ่านกระบวนการมากมาย เช่น เตรียมไฟล์ให้พร้อมใช้งาน, ทำบล็อกสกรีน (แต่ละสีต้องมีบล็อกแยก), ทดสอบหมึก, วางตำแหน่งสกรีน และยังต้องรอให้หมึกแห้งอีก บางงานต้องอบความร้อนเพื่อความคงทนอีกด้วย
แล้วรู้ไหมว่าแค่ “การทำบล็อกสกรีน” หนึ่งสีนั้นก็มีต้นทุนประมาณ 300-500 บาท แล้วนะคะ ยิ่งถ้ามีหลายสี ต้นทุนตรงนี้ก็เพิ่มขึ้นอีกทันที แบบนี้ถ้าคุณสั่งทำแค่ 5 ตัว ก็ต้องเอาค่าเตรียมงานทั้งหมดมาเฉลี่ยใส่ในราคาต่อหน่วยไงคะ จึงไม่แปลกที่ราคาจะดูสูงขึ้นนิดหน่อยอีกเรื่องที่หลายคนยังเข้าใจผิดก็คือเรื่องของ “การสกรีนหลายจุด” บางคนคิดว่าถ้าสกรีนแค่จุดเล็กๆ หลายจุด ราคาน่าจะไม่แพงใช่ไหม? แต่ความจริงคือถ้าเป็นคนละจุดบนเสื้อ เช่น หน้าอก + แขน + หลัง = 3 จุด ราคาสกรีนก็คิดแยกกันนะคะ เพราะช่างต้องวางเสื้อใหม่ในแต่ละรอบ ไม่สามารถทำจุดเดียวกันไปพร้อมกันได้เลย ดังนั้น การวางลายให้รวมอยู่ในจุดเดียวแต่ใหญ่หน่อย อาจคุ้มกว่าการแยกจุดหลายจุดค่ะแล้วอีกหนึ่งความเข้าใจผิดที่เราเจอบ่อยๆ เลยคือ “คิดว่าเสื้อราคาถูกแปลว่างานถูกหมด” จริงๆ แล้วเสื้อเปล่าราคาถูกอาจใช้ผ้า TK หรือ TC ที่บางและไม่ดูดหมึกดีเท่า Cotton แท้ ทำให้หมึกสกรีนดูซีดเร็ว ซักไม่กี่รอบลายก็จางหมด แบบนี้ค่าสกรีนที่จ่ายไปก็เหมือนเปล่าประโยชน์นะคะ เพราะงานไม่อยู่ทนเลย
ความแตกต่างระหว่างสกรีนเองกับจ้างร้านมืออาชีพ
มาค่ะ เราไปดูความแตกต่างแบบชัดๆ ระหว่าง “การสกรีนเอง” กับ “การจ้างร้านมืออาชีพ” กันสักหน่อยดีกว่า เพราะประเด็นนี้มีผลต่อ “ค่าสกรีนเสื้อ” โดยตรงเลยนะ
หลายคนอาจเคยดูคลิป DIY บน YouTube แล้วคิดว่า… สกรีนเองไม่เห็นยากเลย ใช้บล็อกธรรมดา หมึกจากร้านเครื่องเขียน และโต๊ะรีดธรรมดาก็ทำได้แล้วใช่ไหม? ซึ่งก็จริงบางส่วนค่ะ แต่ถ้าคุณต้องการ “งานคุณภาพสูง” ที่คงทน ซักหลายรอบไม่หลุดลอก และต้องการผลิตครั้งละหลายตัว สกรีนเองอาจกลายเป็นเรื่องที่วุ่นวายมากเพราะการทำบล็อกให้แม่นยำไม่ใช่ง่ายเลย ต้องมีประสบการณ์และความละเอียดสูง ไหนจะเรื่องการกะตำแหน่งลาย, การลงแรงให้พอดี, การจัดวางให้เสื้อไม่เบี้ยว และหมึกไม่เปื้อน ผิดพลาดนิดเดียวต้องทำใหม่หมดเลยนะคะ และยิ่งถ้าเป็นงานที่ต้องใช้หลายสี ยิ่งต้องใช้ความแม่นยำสูงมาก เพราะถ้าเลื่อนไปนิดเดียว ลายก็เพี้ยนทันทีในขณะที่ถ้าจ้างร้านที่มีประสบการณ์ เขาจะมีอุปกรณ์ครบ เครื่องสกรีนแบบเฟรมใหญ่ๆ โต๊ะปรับระดับได้ และมีทีมงานที่รู้จักการผสมหมึก สร้างสีให้ได้ตามไฟล์ ทำให้ลายออกมาตรงกับที่เราส่งไปมากที่สุด และสำคัญคือ “ร้านมืออาชีพจะช่วยเราแก้ปัญหาได้” เช่น ถ้าลายที่เราส่งไปไม่เหมาะกับการสกรีน เขาจะช่วยปรับให้เข้ากับเทคนิคการผลิต เพื่อให้ได้งานที่ดีที่สุดภายใต้งบประมาณของเราที่สำคัญคือ บางร้านยังมีบริการ QC หรือเช็กคุณภาพก่อนส่ง ทำให้เรามั่นใจว่าสินค้าที่ได้มานั้นไม่ใช่งานหลุด QC แน่นอนค่ะ
ทำไมราคาสกรีนเสื้อในแต่ละพื้นที่ถึงไม่เท่ากัน?
บางคนอาจเคยเจอประสบการณ์ที่พอสั่งสกรีนเสื้อร้านในกรุงเทพฯ แล้วไปสั่งร้านที่เชียงใหม่หรือขอนแก่น ราคามันต่างกันเฉยเลย แล้วก็แอบสงสัยใช่ไหมคะว่า เอ๊ะ! “ปกติค่าสกรีนเสื้อตัวละกี่บาท” มันควรเป็นราคาเดียวกันทั่วประเทศหรือเปล่า? ขอตอบเลยว่า “ไม่ค่ะ!” เพราะต้นทุนในแต่ละพื้นที่มันต่างกันจริงๆ
ในกรุงเทพฯ ค่าแรง ค่าเช่า และต้นทุนชีวิตสูงกว่า ต้นทุนการผลิตก็สูงตามไปด้วย ทำให้ราคาต่อหน่วยของค่าสกรีนเสื้อมักจะสูงกว่าจังหวัดอื่นเล็กน้อย ยิ่งถ้าเป็นย่านใจกลางเมืองหรือแหล่งแฟชั่น ราคายิ่งโดดเด่นมากขึ้นอีก เพราะค่าดำเนินธุรกิจสูงค่ะในขณะที่ต่างจังหวัด เช่น โคราช ขอนแก่น เชียงราย หรือแม้แต่ลำปาง ค่าใช้จ่ายหลายอย่างต่ำกว่า ร้านต่างจังหวัดจึงสามารถคิดราคาต่อหน่วยที่ถูกกว่าได้บ้าง แต่อย่าเพิ่งดีใจเกินไปนะคะ เพราะต้องดูเรื่องคุณภาพของงานด้วย ถ้าร้านต่างจังหวัดที่คุณเจอมีอุปกรณ์พร้อม ช่างมีประสบการณ์ งานดี ราคาก็คุ้มมากๆ เลย อีกปัจจัยคือ “ความนิยมในพื้นที่” ถ้าพื้นที่นั้นมีร้านสกรีนเยอะ การแข่งขันสูง ราคาก็จะลดลง แต่ถ้าเป็นเมืองเล็กที่ร้านสกรีนน้อย และคุณมีความต้องการเฉพาะ เช่น สกรีน DTG หรือสกรีนเรืองแสง ราคาจะสูงขึ้นเพราะหายากค่ะ
ดังนั้นทางที่ดีคือ ให้คุณเปรียบเทียบหลายร้าน ไม่ว่าจะในจังหวัดคุณหรือในออนไลน์ แล้วพิจารณาเรื่องต้นทุนขนส่ง, ระยะเวลา, คุณภาพ และรีวิวประกอบด้วยนะคะ ไม่ใช่เลือกที่ราคาถูกอย่างเดียว ไม่งั้นเสื้อที่ได้อาจไม่คุ้มกับเงินที่จ่ายไป
เคล็ดลับสั่งเสื้อสกรีนอย่างมืออาชีพ
เอาล่ะค่ะ ก่อนจะจบบทความนี้ เราอยากทิ้งท้ายด้วยเคล็ดลับเล็กๆ แต่เด็ดมาก สำหรับคนที่กำลังจะสั่งสกรีนเสื้อครั้งแรก (หรือครั้งต่อๆ ไป) ให้ประหยัดงบและได้งานดีแบบมือโปรนะคะ
- อันดับแรกเลยคือ กำหนดงบประมาณก่อน แล้วแจ้งร้านไปตรงๆ ว่าคุณมีงบประมาณเท่านี้ จะสามารถทำอะไรได้บ้าง ร้านที่ดีเขาจะพยายามเสนอทางเลือกที่เหมาะกับงบของคุณเองค่ะ
- สองคือ เตรียมไฟล์ลายให้พร้อมที่สุด ถ้าไม่มีไฟล์ Illustrator หรือ Vector ก็ขอให้ส่งลายที่ความละเอียดสูง ชัดเจน ไม่เบลอ เพราะร้านจะได้ไม่ต้องเสียเวลาทำใหม่ ลดค่าใช้จ่ายในการจัดไฟล์ด้วยนะ
- สามคือ ถามร้านเรื่อง “ค่าสกรีนแยก” และ “ค่าเสื้อแยก” บางร้านรวมราคาทุกอย่างไว้เลย บางร้านแยกชัดเจน เราจะได้รู้ว่าต้นทุนจริงๆ คือเท่าไหร่
- สี่คือ เลือกแบบสกรีนที่เหมาะกับจำนวนตัว เช่น ถ้าสั่งน้อยๆ เลือกเป็น Transfer หรือ DTG จะคุ้มกว่า ถ้าสั่งเยอะเลือก Silkscreen คุ้มสุดๆ ค่ะ
- สุดท้ายเลยคือ อย่าลืมถามว่า “ซักแล้วลอกไหม?” งานที่ดีต้องผ่านการอบหมึกหรือเคลือบสารบางอย่างเพื่อให้ทนการซัก ถ้าร้านมีการรับประกันหรือยืนยันคุณภาพ ถือว่าเป็นร้านที่ควรเชียร์เลยล่ะค่ะ